(อาทิตย์ที่แล้วเราจบลงที่ ประการที่สอง ไม่ต้องรับผิดชอบเกินคำสั่ง)
ประการที่สาม บ่าวรู้ว่าเขาไม่ได้ทำ เมื่อเจ้าภาพชิมน้ำที่กลายเป็นเหล้าองุ่นแล้ว และไม่รู้ว่ามาจากไหน (แต่คนใช้ที่ตักน้ำนั้นรู้) เจ้าภาพจึงเรียกเจ้าบ่าวมา 10 และพูดกับเขาว่า "ใคร ๆ เขาก็เอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อได้ดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมา แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้"
คนที่รับคำชมคือ เจ้าภาพ ไม่ใช่บ่าว บ่าวเพียงทำตามคำสั่งจึงทำให้เจ้าภาพได้รับคำชื่นชม รับเกียรติ แต่คนที่เห็นการอัศจรรย์นี้ คือ บ่าว ที่ทำตามหน้าที่อย่างซื่อสัตย์และรับผิดชอบ บ่าวรู้ว่าเขาไม่ได้ทำ เขาเพียงแต่ทำตามคำสั่ง แล้วการอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น บ่าวรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
เมื่อเกิดการอัศจรรย์หรือพระพรใด ๆ เราต้องรู้ว่า พระเจ้าทำไม่ใช่เราทำ เราเป็นเพียงเครื่อง มือที่พระเจ้าใช้เรา เมื่อเรารับใช้แล้วเกิดผลมากมายเราต้องรู้ว่าใครทำ และถ้าการรับใช้ของเราไม่เกิดก็อาจจะมีสองสาเหตุ คือ ยังไม่ถึงเวลาของพระเจ้า หรือ เราไม่ได้ทำตามคำสั่งอย่างซื่อ สัตย์ อย่างที่มารดาของพระเยซูกังวลและคิดจะช่วยเจ้าภาพจึงไปบอกพระเยซู ?มารดาของพระเยซูทูลพระองค์ว่า "เขาไม่มีเหล้าองุ่น" 4 พระเยซูตรัสกับนางว่า "หญิงเอ๋ย ให้เป็นธุระของข้าพเจ้าเถิด เวลาของข้าพเจ้ายังมาไม่ถึง"
ถ้ายังไม่ถึงเวลาจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็ไม่สามารถเร่งพระเจ้าได้ เพียงแต่เราทำอย่างซื่อสัตย์และทำหน้าที่ของเราต่อไป และรอการเกิดผลที่มาจากพระเจ้า เพราะเราเร่งให้พระเจ้าทำตามใจเราไม่ ได้ พระเยซูเองจะเป็นผู้ทำไม่ใช่เพราะเรา
แน่นอนว่าบ่าวที่สัตย์ซื่อ จะรับคำชมเชย แต่ไม่รับกียรติแทนพระเจ้า มีบางครั้งที่พระเจ้าสั่งให้เราทำบางอย่างที่ขัดกับความเข้าใจของเรามั้ย ? บ่าวได้ทำตามที่พระเยซูสั่งทุกประการ การอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นในการรับใช้ของเขา และรับใช้จนทำให้เจ้านายได้รับเกียรติ
วันนี้เราทั้งหลายที่ติดตามพระเยซูเราเป็นบ่าว ให้เราเป็นบ่าวที่นำเหล้าองุ่นอย่างดี (พระเยซู) ออกไปเสริฟเพื่อคนที่ดื่มจะรับความยินดี ตอนที่เรานำออกไปเราอาจจะรู้สึกว่าสิ่งที่เราจะเสริฟเป็นเหมือนน้ำเปล่า เราอาจจะคิดว่าคนที่รับไปดื่มจะรู้สึกอะไร จะต่อว่าเราหรือไม่ เราอาจจะรู้สึกว่าเราไม่มีอะไร แต่เมื่อเรานำออกไปให้คนอื่นได้ดื่ม พระเจ้าจะเปลี่ยนให้น้ำเป็นเหล้าองุ่นรสดีเยี่ยม เพียงแต่เราอย่าพยายามเสริฟเครื่องดื่มของตัวเอง เพราะคิดว่าเราจะได้รับคำชมเชยรับเกียรติแทนพระเจ้า
ผมเคยเจอนักเทศน์บางคน ที่พยายามเทศนาแบบเสริฟเครื่องดื่มของตัวเอง แต่ในที่สุดแขกรู้สึกว่าทำไม่เจ้าภาพเอาเหล้าองุ่นรสชาดแย่ๆ มาเสริฟในงานพิเศษแบบนี้ เจ้าภาพรับคำบ่นและคำตำหนิจากการพยายามเสริฟเครื่องดื่มของเราเอง
พระเจ้าสามารถใช้ชีวิตของเรา เพื่อนำสิ่งที่ดีที่สุดให้คนอื่น พระเจ้าจะใช้คนที่เล็กน้อย เพื่อนำสิ่งที่ดีที่สุดไปให้คนอื่น เพียงแต่เรายอมที่จะให้พระเจ้าใช้ เชื่อฟังและทำตามคนอื่นก็ได้พระพร พระเยซูทรงเลี้ยงคน 5000 คน ด้วยขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัว จากเด็กคนหนึ่ง ที่ยอมมอบอาหารที่นำมากินคนเดียวกับพระเยซู เพราะเด็กเล็ก ๆ คนนั้น คนห้าพันคนก็อิ่มและมีเหลือห่อกลับบ้านด้วย เพราะบ่าวยอมทำด้วยความเชื่อฟัง บ่าวเองก็เห็นการอัศจรรย์ เจ้าภาพก็รับคำชม แขกก็ได้สิ่งที่ดี
สาวกที่ใกล้ชิดกับพระองค์ต้องไว้วางใจพระองค์ก่อน คนอื่นจึงสามารถไว้วางใจในพระองค์ได้
สาวกและผู้ที่รับใช้พระองค์ควรจะเห็นการอัศจรรย์จากการรับใช้ เพื่อเราจะวางใจพระองค์ และกล้าที่จะเชื่อฟังพระองค์ ข้อ11 ?นี่เป็นการกระทำอันเป็นหมายสำคัญครั้งแรกของพระเยซู ทรงกระทำที่บ้านคานาแคว้นกาลิลี และได้ทรงสำแดงพระสิริของพระองค์ และสาวกของพระองค์ก็ได้วางใจในพระองค์?
มีกี่คนที่รับพระพรจากการเชื่อฟังของเรา มีกี่คนเห็นการอัศจรรย์จากการรับใช้ที่เราทำ ตัวเราเองเห็นการอัศจรรย์ผ่านการรับใช้อย่างเชื่อฟังของเราหรือไม่ ให้เรามั่นใจในการรับใช้ของเรา พระเจ้าจะเป็นผู้รับผิดชอบ ให้เรารับใช้เต็มกำลัง ไม่ต้องทำเกินกำลัง ไม่เกินคำสั่ง
สิ่งที่ต้องระวังในการับใช้พระเจ้าคือ อย่าขโมยเกียรติของพระเจ้า อย่าแสวงหาการยกย่องจากมนุษย์เพราะมันไม่มีคุณค่า แต่ให้เรารับใช้กันและกันด้วยการทำให้เจ้านายของเรายินดีและรับการยกย่องสรรเสริญจากชีวิตของเรา และสิ่งที่บ่าวได้รับ คือ การได้เห็นการอัศจรรย์ มีประสบการณ์กับพระเจ้าและใกล้ชิดกับพระองค์แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว และมีคุณค่ามากกว่าคำชื่นชมจากมนุษย์เป็นไหน ๆ...
พระเจ้าจะใช้ชีวิตของเราทำการอัศจรรย์ เราไม่ใช่ผู้ทำการอัศจรรย์?
ไพโรจน์. |