(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)
ตอนที่แล้วจบที่พระคัมภีร์ 1ซมอ.17:4-11 ที่ซาอูลเผชิญหน้ากับโกลิอัท และเกิดความกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ปล่อยให้ศัตรูยืนท้าทายดูถูกอยู่หน้าค่าย
ทำไมซาอูลจึงหวาดกลัวขนาดนั้น เพราะซาอูลเอาสิ่งที่ตัวเองมี ไปเปรียบกับสิ่งที่ศัตรูมี คือ อาวุธและชุดเกราะที่ทั้งสองมีเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงขนาดของคน และอาวุธ ซาอูลจึงเห็นว่าจุดแข็งของตัวเองด้อยกว่า ซาอูลเกิดความกลัวเมื่อมองดูตัวเองและสิ่งที่ตัวเองมี ถ้าเราเอาจุดแข็งภายนอกไปเทียบกับจุดแข็งของคนอื่นเราอาจจะไม่ดีกว่า แต่จุดแข็งที่สำคัญอยู่ที่ภายในที่จิตใจของเราก่อน
ในขณะที่สถานการณ์กำลังวิกฤติอยู่นั้น ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อดาวิด ที่พ่อใช้มาส่งอาหารให้พี่ชายที่สนามรบ และเห็นศัตรูกำลังท้าทายคนอิสราเอลอยู่ ดาวิดรู้ได้ทันทีว่าเขาสามารถจัดการกับยักษ์โกลิอัทได้ เพราะดาวิดรู้ว่าเจามีจุดแข็งที่เหนือกว่า
อ่านใน 1ซมอ.17:32-40 32 ดาวิดก็ทูลซาอูลว่า 'อย่าให้จิตใจของผู้ใดฝ่อไปเพราะชายคนนั้นเลย ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทจะไปสู้รบกับคนฟีลิสเตียคนนี้' 33 และซาอูลกล่าวแก่ดาวิดว่า 'เจ้าไม่สามารถที่จะไปสู้รบกับชายฟีลิสเตียคนนั้นดอกเพราะเจ้าเป็นแต่เด็กหนุ่ม และเขาเป็นทหารชำนาญศึกมาตั้งแต่หนุ่มๆแล้ว' เมื่อดาวิดอาสาที่จะออกไปรบกับโกลิอัท ซาอูลก็ยังไม่แน่ใจว่าดาวิดจะชนะได้ เพราะซาอูลมองที่ภายนอกของดาวิด เมื่อเทียบกับศัตรูแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะชนะ ขนาดซาอูลเองเป็นนักรับผ่านสนามรบมาแล้วยังไม่กล้าออกไปสู้ แล้วดาวิดไม่มีอะไรเลยเป็นแค่เด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่ง
แต่ดาวิดกล่าวกับซาอูลด้วยความมั่นใจ ดาวิดไม่ฝ่อไปตามที่ซาอูลห้ามเขา ดาวิดยืนยันถึงจุดแข็งที่ตัวเองมีจากประสบการณ์ของเขา ดาวิดไม่เอาสิ่งที่ตัวเองมีไปเปรียบกับศัตรู แต่รู้ว่าจุดแข็งที่ตัวเองจะสามารถจัดการกับโกลิอัทอย่างไร
?34 แต่ดาวิดทูลซาอูลว่า 'ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทเคยดูแลแพะแกะของบิดา และเมื่อมีสิงห์หรือหมีมาเอาลูกแกะตัวหนึ่งไปจากฝูง 35 ข้าพระบาทก็ไล่ตามฆ่ามัน และช่วยกู้ลูกแกะนั้นมาจากปากของมัน ถ้ามันลุกขึ้นต่อสู้ข้าพระบาท ข้าพระบาทก็จับหนวดเคราของมัน และทุบตีมันจนตาย 36 ผู้รับใช้ของฝ่าพระบาทได้ฆ่าสิงห์และหมีนั้นมาแล้ว คนฟีลิสเตียผู้มิได้เข้าสุหนัตคนนี้ก็เป็นเหมือนสัตว์เหล่า นั้นตัวหนึ่ง ด้วยเขาได้ท้าทายกองทัพของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่' 37 และดาวิดทูลต่อไปว่า 'พระเจ้าผู้ทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากขยุ้มเท้าของสิงห์ และจากขยุ้มเท้าของหมี จะทรงช่วยกู้ข้าพระบาทจากมือของคนฟีลิสเตียคนนี้' และซาอูลจึงตรัสแก่ดาวิดว่า 'จงไปเถอะและพระเจ้าจะทรงสถิตอยู่กับเจ้า'อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า ซาอูลเอาจุดแข็งที่ตนเองมีไปวัดกับสิ่งที่ศัตรูมี คือ อาวุธและชุดเกราะ ฉะนั้นก่อนที่ดาวิดจะออกไป ซาอูลก็มอบสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นจุดแข็งของเขาให้ดาวิด คือ เสื้อเกราะและอาวุธครบมือ เพราะคิดว่าดาวิดจะใช้มันได้ดีกว่า ซึ่งมันไม่มีประโยชน์สำหรับดาวิดเลย เพราะมันไม่ใช่จุดแข็งของดาวิด แต่ตรงกันข้ามมันกลับเป็นจุดอ่อนมากกว่า
จุดแข็งหรือพรสวรรค์เรามอบให้กันไม่ได้ ใช้แทนกันไม่ได้ เพราะแต่ละคนมีจุดแข็งและพร สวรรค์ของตัวเอง ที่เราถนัดไม่เหมือนกัน เราเองก็ไม่สามารถยัดเยียดพรสวรรค์หรือจุดแข็งของเราให้คนอื่นได้ คนอื่นจะไม่ถนัด และในมุมกลับเราก็ไม่ควรเรียนแบบหรือพยายามเอาจุดแข็งหรือพรสวรรค์ของคนอื่นมาเป็นของเรา เพราะมันจะไม่มีทางเป็นจุดแข็ง แต่เป็นแค่การเรียนแบบ
38 แล้วซาอูลก็ทรงเอาเครื่องอาวุธของพระองค์สวมให้ดาวิด ทรงสวมหมวกทองสัมฤทธิ์บนศีรษะของเขา และสวมเสื้อเกราะให้เขา 39 และดาวิดก็คาดดาบทับเครื่องอาวุธ เขาลองเดินดูก็เห็นว่าใช้ไม่ได้ เพราะเขาไม่ชิน แล้วดาวิดจึงทูลซาอูลว่า 'ข้าพระบาทจะสวมเครื่องเหล่านี้ไปไม่ได้ เพราะ ว่าข้าพระบาทไม่ชิน' ดาวิดจึงปลดออกเสีย 40 แล้วจึงถือไม้เท้าไว้ และเลือกก้อนหินเกลี้ยงจากลำธารได้ห้าก้อน จึงใส่ในย่ามผู้เลี้ยงแกะของเขา ในถุงของเขาและมือถือสลิงอยู่ ท่านก็เข้าไปใกล้คนฟีลิสเตียคนนั้น?
ดาวิดรู้ว่าถ้าใส่ชุดเกราะออกไปรบเขาจะตายแน่ จะตายเพราะชุดเกราะที่หนักเกินไปสำหรับเขา ดาวิดจึงเลือกอาวุธด้วยตัวเอง เป็นอาวุธที่เขาใช้มาตั้งแต่เด็ก คือ สลิงและก้อนหินเล็กๆ ห้าก้อน ถ้าเอาไปเทียบกับอาวุธของโกลิอัทคงไม่มีทางชนะ และเราคงไม่เรียกว่าอาวุธ เพราะมันเป็นเหมือนของเด็กเล่น แต่มันคือ จุดแข็ง ของดาวิด
ถ้าจะบอกว่าดาวิดประสบความสำเร็จจนได้เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ โดยเริ่มต้นแสดงฝีมือด้วยอาวุธพื้นเมืองชิ้นเล็กๆ นี้ ดาวิดใช้จุดแข็งเล็กๆ นี้อย่างเกิดผล ใช้มันเป็นก้าวแรกที่นำเขาสู่ความ สำเร็จในชีวิต (แน่นอนเรารู้ว่าพระเจ้าทรงอยู่เบื้องหลัง แต่อยากให้เรามองในมุมมองของมนุษย์และในส่วนที่มนุษย์ต้องทำ)
1ซมอ.17:46 ?ในวันนี้พระเจ้าจะทรงมอบท่านไว้ในมือข้าพเจ้า และข้าพเจ้าจะประหารท่านและตัดศีรษะของท่านเสีย และในวันนี้ข้าพเจ้าจะให้ศพของกองทัพฟีลิสเตียแก่นกในอากาศและแก่สัตว์ป่า เพื่อทั้งพิภพนี้จะทราบว่ามีพระเจ้าพระองค์หนึ่งในอิสราเอล?
จุดแข็งที่สุดของดาวิด คือ ความเชื่อของเขาในพระเจ้า ดาวิดรู้ว่าพระเจ้าเป็นกำลังและเป็นผู้ประทานความสามารถให้เขา เขารู้ว่าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายเขา นั่นเป็นแรงผลักดันให้ดาวิดกล้าใช้พรสวรรค์และจุดแข็งได้อย่างเกิดผล เพราะดาวิดไม่ได้เอาจุดแข็งของโกลิอัทมาเทียบกับตัวเอง แต่เอาไปเทียบกับพระเจ้า ดาวิดจึงมองเห็นศัตรูไม่ใหญ่เกินจุดแข็งที่เขามี คือ พระเจ้า
ข้อ49 ?และดาวิดเอามือล้วงเข้าไปในย่ามหยิบหินก้อนหนึ่งออกมา แล้วเหวี่ยงหินก้อนนั้นด้วยสายสลิงถูกคนฟีลิสเตียคนนั้นที่หน้าผาก ก้อนหินจมเข้าไปในหน้าผากเขาก็ล้มหน้าคว่ำลงที่ดิน?
ดาวิดเหวี่ยงก้อนหินเข้าที่จุดอ่อนที่สุดของโกลิอัท แม้ว่าศัตรูดูเหมือนมีจุดแข็งมากกว่า แต่ ดาวิดไม่ได้มองดูที่จุดแข็ง แต่มองหาจุดอ่อนของศัตรู แม้ว่าจุดอ่อนจะเป็นจุดเล็กๆ ดาวิดก็ชนะด้วยจุดแข็งเล็กๆ ของเขาเช่นกัน
อย่ามองพรสวรรค์หรือจุดแข็งของเราว่าเล็กน้อยเกินไป และอย่ามองว่าของคนอื่นมีจุดแข็งที่ดีกว่า จำไว้ว่าจุดที่แข็งที่สุดของเราในฐานะคริสเตียน คือ พระเจ้า ผู้ไม่เคยมีจุดอ่อน ผู้ไม่ทรงล้มเหลว
เท่านี้คงเป็นจุดแข็งที่ใหญ่เพียงพอแล้วใช่หรือไม่ มอบสิ่งเล็กๆ ที่เรามีให้พระเจ้า และพระองค์ทำให้มันแข็งแรง และใช้การได้... จบบริบูรณ์
ไพโรจน์.
* บทความนี้เขียนจากแนวคิดจากหนังสือ ?เจาะจุดแข็ง? ของ Marcus Buckingham และ Donald O.Clifton ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย... |