1 วันที่สามมีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาแคว้นกาลิลี และมารดาของพระเยซูก็อยู่ที่นั่น 2 พระเยซูและสาวกของพระองค์ได้รับเชิญไปในงานนั้น 3 เมื่อเหล้าองุ่นหมดแล้ว มารดาของพระเยซูทูลพระองค์ว่า "เขาไม่มีเหล้าองุ่น" 4 พระเยซูตรัสกับนางว่า "หญิงเอ๋ย ให้เป็นธุระของข้าพเจ้าเถิด เวลาของข้าพเจ้ายังมาไม่ถึง" 5 มารดาของพระองค์จึงบอกพวกคนใช้ว่า "จงกระทำตาม ที่ท่านสั่งเจ้าเถิด" 6 มีโอ่งหินตั้งอยู่ที่นั่นหกใบตามธรรมเนียมการชำระของพวกยิวจุน้ำโอ่งละสี่ห้าถัง 7 พระเยซูตรัสสั่งเขาว่า "จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด" และเขาก็ตักน้ำเต็มโอ่งเสมอปาก 8 แล้วพระองค์ตรัสสั่งเขาว่า "จงตักเอาไปให้เจ้าภาพเถิด" เขาก็เอาไปให้ 9 เมื่อเจ้าภาพชิมน้ำที่กลายเป็นเหล้าองุ่นแล้ว และไม่รู้ว่ามาจากไหน (แต่คนใช้ที่ตักน้ำนั้นรู้) เจ้าภาพจึงเรียกเจ้าบ่าวมา 10 และพูดกับเขาว่า "ใคร ๆ เขาก็เอาเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อได้ดื่มกันมากแล้วจึงเอาที่ไม่สู้ดีมา แต่ท่านเก็บเหล้าองุ่นอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้" 11 นี่เป็นการกระทำอันเป็นหมายสำคัญครั้งแรกของพระเยซู ทรงกระทำที่บ้านคานาแคว้นกาลิลีและได้ทรงสำแดงพระสิริของพระองค์ และสาวกของพระองค์ก็ได้วาง ใจในพระองค์? ยน.2:1-11
ตอนที่เจ้าภาพเชิญพระเยซูมาร่วมงานแต่งงาน เขาคงไม่คิดว่าจะมีปัญหาเหล้าองุ่นหมดก่อนงานจะเสร็จ และพระองค์ก็ช่วยให้งานนี้ผ่านไปได้อย่างดีโดยทำการอัศจรรย์ให้น้ำธรรมดากลายเป็นอเหล้าองุ่น และแขกก็มาชมเจ้าภาพว่าเอาเหล้าองุ่นดี ๆ มาเลี้ยงแขก ทำให้เจ้าภาพได้รับคำชมเชย
เราทั้งหลายที่เป็นคริสเตียนเป็นเหมือนบ่าวที่มีหน้าที่คอยรับใช้แขกที่มาร่วมงานฉลอง เป็นพนักงานเสริฟที่ทำตามเจ้านายสั่ง เราเป็นคนรับใช้จึงไม่ควรเด่นกว่าเจ้านายของเรา เราไม่ควรทำหน้า ที่เกินหน้าเจ้านายของเรา เราไม่ควรเป็นจุดสนใจแทนเจ้านายของเรา ไม่ควรแสดงตัวต่อแขกแทนเจ้า นายของเรา เหมือนอย่างบ่าวในพระธรรมตอนนี้ ที่ได้ทำตามที่พระเยซูสั่งจนเจ้านายของเขาได้รับคำชมเชย
นักเทศน์ ศิษยาภิบาล ทีมนมัสการ ปฏิคม และหน้าที่อื่น ๆ ไม่ใช่เจ้าของงาน ไม่ใช่คนสำคัญในงาน ไม่ใช่เจ้าภาพ แต่เราควรทำให้เจ้านายของเราได้รับการยกย่อง ได้รับเกียรติจากแขกทำ ให้เจ้านายของเราได้รับเกียรติ เราทำอย่างนั้นหรือไม่ ? บ่าวในงานแต่งงานนี้ ไม่ทำหน้าที่เกินนาย ไม่ทำเกินที่พระเยซูสั่ง แต่ทำตามหน้าที่อย่างเชื่อฟัง ไม่กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้รับเกียรติ แต่ทำหน้าที่ของบ่าว ถ้าเราเป็นบ่าวเราควรทำอย่างไรกับสถานการณ์นี้
ประการแรก ทำตามหน้าที่ของบ่าว ?มารดาของพระองค์จึงบอกพวกคนใช้ว่า "จงกระทำตามที่ท่านสั่งเจ้าเถิด? พระเยซูตรัสสั่งเขาว่า "จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด" ทำไมบ่าวยอมทำตามที่พระเยซูสั่ง ? ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าน้ำนั้นเป็นนน้ำธรรมดา ที่บ่าวทำตามเพราะเป็นหน้าที่ของบ่าว ต้องเชื่อฟัง การตักน้ำใส่โอ่งอาจจะง่ายกว่าการตักเอาไปให้แขกดื่ม
การเชื่อพระเยซูอาจจะง่ายกว่า การไปบอกคนอื่นถึงเรื่องพระเยซู หรือทำตามที่พระเยซูสั่ง คนรับใช้ที่ดี มีหน้าที่ทำทุกอย่างทีนายสั่ง "จงกระทำตามที่ท่านสั่งเจ้าเถิด? งานนนี้นางมารีย์ดูเหมือนว่าได้รับมอบหมายจากเจ้าภาพในการช่วยดูแลคนรับใช้ในการทำหน้าที่ บ่าวที่เชื่อฟังคือ ทำตามหน้าที่โดยไม่มีคำถาม และทำอย่างเต็มใจ ถึงแม้ขัดกับความเข้าใจของตัวเอง
ความบาปใหญ่ของมนุษย์ คือ ไม่ได้ทำหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมายจากพระเจ้า เอวาไม่ได้ทำหน้าที่ที่พระเจ้ามอบให้ แต่อยากทำเกินที่พระเจ้าสั่ง
ประการที่สอง ไม่ต้องรับผิดชอบเกินคำสั่ง "มีโอ่งหินตั้งอยู่ที่นั่นหกใบตามธรรมเนียมการชำระของพวกยิว จุน้ำโอ่งละสี่ห้าถัง พระเยซูตรัสสั่งเขาว่า "จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็มเถิด" และเขาก็ตักน้ำเต็มโอ่งเสมอปาก แล้วพระองค์ตรัสสั่งเขาว่า "จงตักเอาไปให้เจ้าภาพเถิด" เขาก็เอาไปให้?
ทำไมบ่าวกล้านำน้ำจากโอ่งไปให้เจ้าภาพกิน ? เพราะบ่าวไม่ต้องรับผิดชอบ พระเยซูจะรับ ผิดชอบกับสิ่งที่สั่งเราทำ พระเจ้าจะรับผิดชอบถ้าเราทำตามคำสั่ง ตอนที่ยากที่สุด คือ ตอนที่ตักไปให้เจ้าภาพและให้แขกดื่ม เพราะบ่าวรู้ว่ามันมาจากน้ำธรรมดา
มีคริสเตียนหลายคน ไม่กล้าประกาศเรื่องพระเยซู ไม่กล้าอธิษฐานเผื่อคนอื่น ไม่กล้าทำตามที่พระเยซูสั่ง เพราะกลัวหน้าแตก เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไร เหมือนบ่าวที่รู้ว่ากำลังเสริฟน้ำเปล่า ราเลยไม่กล้าเป็นพยานไม่กล้าอธิษฐานเผื่อคนอื่น เพราะกลัวเขาไม่เชื่อ กลัวอธิษฐานแล้วไม่ฃหาย กลัวหน้าแตกเลยไม่ทำตามที่พระเยซูสั่ง เลยไม่กล้าเสริฟให้แก่แขกที่มา เพราะเราคิดถึงตัวเองมากกว่าการทำตามหน้าที่และเราคิดว่าเราต้องรับผิดชอบ เพราะปัญหาของการที่เราไม่ค่อยยอมทำตามหน้าที่ คือ เรากลัวความรับผิดชอบ เราไม่อยากรับผิดชอบ แต่ที่จริงแล้วถ้าบ่าวไม่ทำตามที่นายสั่งบ่าวต้องรับผิดชอบมากกว่า เพราะเราหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ ...
อ่านต่อประการที่สาม อาทิตย์หน้า
ไพโรจน์. |